Wednesday, March 16

เชียงใหม่ไม่มีเขา มีแต่เรากับร้านคาเฟ่กุ๊กกิ๊กชิคชิคคูลคูล



       เฮลโล่ววววว วันนี้เราจะมาย้อนรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว ที่เราไปมาปีที่แล้ว หลังจากที่ไม่ได้อัพบล็อกนี้มานานมาก ถามว่าทำไมต้องย้อนล่ะ!? ก็ปีที่แล้ว (และปีนี้) เป็นปีท่องเที่ยวของเราเลย เป็นปีที่เราได้เดินทางไปในสถานที่ ที่เราอยากไปมานาน เป็นสิ่งที่เราคิดว่ามันคือความทรงจำดีๆ เราเลยอยากแบ่งปันข้อมูลหลายๆอย่างจากประสบการณ์ของเรา ซึ่งก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายคนที่สนใจนะคะ

       เริ่มกันที่เชียงใหม่....

       เราก็นั่งเครื่องบินนก ราคาตอนลดเหลือขาไป-กลับคนละ 2000 ไปกะแฟน2คน แพลนทุกอย่างไว้ก่อนไป1เดือน เราไปวันที่ 7-9 มกราคม 2558 (จริงๆพึ่งคิดจะตั้งกระทู้เมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง) ที่พักก็จองแบบ Cafe&Bed ไว้ มี2ที่ 2คืน คืนแรกที่พักราคาคนละ 150บาท แต่คุณภาพก็ตามราคานะ ไม่มีอะไรเลย มีแต่ห้องโล่งๆ ห้องน้ำรวม ก็โอเคเอาไว้นอนอย่างเดียว ส่วนที่พักคืนที่2มีรีวิว อันนี้เด็ดรอดู 
           
          เราจองตั๋วเครื่องบินรอบ 6.05 ถึงเชียงใหม่ 7.15 ยังกะวาร์ปมา พอมาถึงสนามบินเชียงใหม่เราก็เดินออกมาหารถแดงจ้าาา ด้วยความที่ศึกษามาอย่างดี ช่ำชองทุกเส้นทาง (คิดเอง) เราก็เชิดใส่เหล่าแท็กซี่และรถแดงเรียกแพ้งแพงหน้าสนามบิน ออกมาเรียกรถเองที่ถนน...แป่วววว ถนนไม่มีรถแดงซักคัน แม่มเลี้ยวเข้าสนามบินหมด อ่ะเดินกลับไปง้อรถแดงในสนามบินก็ด๊ะ สรุปพี่รถแดงก็คิดเราคนละ50บาทไปส่งที่ทางขึ้นดอยสุเทพ




          พอมาถึงทางขึ้นเราก็จ่าย180ค่ารถสองแถวขึ้นดอยสุเทพ โดยรถจะพาแวะ3ที่ คือขึ้นไปสุดถึงดอยปุย ลงมาพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ แล้วก็สักการะพระธาตุดอยสุเทพเป็นที่สุดท้าย โดยแต่ละที่คนขับรถจะให้เวลา1ชั่วโมง ซึ่งตอนไปถึงทางขึ้นรถสองแถวก็เผอิญมีกลุ่มวัยรุ่นนั่งอยู่ในรถก่อนแล้ว 5-6คนเราก็เลยไปรวมกลุ่มกับเค้าด้วย ก็มากัน2คนนี่หว่า จะให้ขึ้นไปสองคนนี่เปล่าเปลี่ยวเหี่ยวเฉานะ อ่ะโอเคทุกอย่างเป็นไปด้วยดีจนกระทั่ง...

"เมารถ"

           ใครเคยขึ้นเขาบ่อยๆคงรู้ใช่ป๊ะว่ามันเป็นยังไง นี่ไม่ค่อยไปเที่ยวป่าเขาลำเนาไพร โดนโค้งหักศอกตลอดทาง แถมสองแถวยังขับเร็วเคลมเร็วยังกะจรวด โอ๊ย พี่ไม่ไปละ พี่ยอม ปล่อยพี่ลงเถอะ ตอนแรกคุยกันว่ามาดอยสุเทพฆ่าเวลา ไม่ไฮไลท์ โอ๊ย ตอนนี้โคตรอันไลค์!! เออก็ฟีลเนี้ยจนถึงดอยปุยอ่ะ เอ้~ ดอยปุยที่มีร้านกาแฟชิคๆ ที่สูงๆ ดูหนาวๆเกาหลีๆ อ๊ะป่ะ...โอ๊ย แค่ตอนรถวนขึ้นก็จะอ้วกละ พะอืดพะอมนานกว่าตอนนั่งเครื่องอีก พอมาถึงก็หนาวยังกะขั้วโลก นี่เดินอีกนิดก็เจอหมีขั้วโลกล๊ะป๊ะ!  นี่เอากล้องมากะถ่ายรูปต้นไม้ใบหญ้าไปเยอะๆไว้ลงไอจี พอมาถึงที่นี่รู้ซึ้ง กดชัตเตอร์มั่วเลยครัช เดินดุ่มๆไปหากาแฟกินด่วนๆ นั่งอยู่นั่นอ่ะจนครบชั่วโมง ก็ไปขึ้นรถ...เอ้~ นี่ได้อะไรจากดอยปุย 

"The Real DoiPui ปุยแท้ๆล้านเปอร์เซ็นต์" - -;



   พอลงมาพระตำหนักภูพิง แก๊งที่มาด้วยก็เค้าไปข้างในกัน ส่วนเรากะแฟนเซย์โน ไปหาของกินแถวๆนั้นแทน แถวนั้นมีร้านอาหารหลายร้านมาก ส่วนใหญ่จะขายส้มตำนะแก ละขายไก่ย่างกันทุกร้าน ปิ้งหน้าร้านเรียงกันเป็นตับ(สรุปขายไก่หรือขายตับ) นี่กินร้านไหนดี สรุปเดินดมกลิ่นไก่จ้า ร้านไหนไก่หอมสุดเอาร้านนั้น พอกินเสร็จก็เดินเล่น ออกไปอีกนิดมันจะมีจุดชมวิวผาดำด้วยแก เออไหนๆก็มาเที่ยวป่าเที่ยวเขาละ ขอถ่ายรูปทิวเขาหน่อย แต่ตอนนั้นมันเริ่มสายๆละ แดดเริ่มออก แสงเลยกระทบหน้าเยอะมาก รูปพังเหมือนเดิม งง นี่กล้องกะเลนส์ซื้อมาแพงป๊ะ ไหงเป็นงี้ รูปที่ได้ก็มีแต่รูปตัวเองเนี่ย ไม่มีรูปป่าเขามาลงจริงๆ





 พอลงมาก็มาสักการะพระธาตุดอยสุเทพตามธรรมเนียม เออทริปนี้มากัน2คนขอพรพระเอาฤกษ์เอาชัยหน่อย ก็ไหว้พระขอพรปิดทองเสร็จสรรพ เดินไปเข้าห้องน้ำ ไปล้างมือ เอ๊ะ เหม็นไรอ่ะ หันไป 13นาฬิกา ทางขวา ตูดเด็กล้างขี้ในอ่างล้างหน้าสีเหลืองอ๋อย อีทัวร์จีนเอาเบบี๋มาล้างตูดเฉย อะไรวะเนี่ย อ่ะออกดีกว่า ทิ้งทิชชู่แพร๊บบบ...ขุ่นพระแพมเพิร์สด้านขี้สีเหลืองอร่างฉ่างแผ่ไพศาลปกคลุมทั่วทั้งถังขยะ...เมารถยังไม่เข้าที่เมาขี้เข้ามาแทรก พี่ไปล่ะ T^T


      ไม่เล่าละดอยเดย ลงมาข้างล่างดีกว่า นี่เขียนไปยังได้กลิ่นไปอยู่เลย ฟีลกู๊ดมากป๊ะเนี่ย! พอลงมาถึงข้างล่างก็เรียกรถแดงไปเก็บของที่พัก อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เตรียมตะลุยคาเฟ่ต่อ พาร์ทคาเฟ่จะมาแบบรัวๆ  เย่ๆ 


เริ่มกันที่ GRAPH CAFE นะแจ๊ะ ใครไม่รู้ว่าอยู่ไหนเราใจดีหาข้อมูลมาแปะให้ด้วย

ที่อยู่:ถนนราชวิถี ซอย 2 (เช้ามาทางราชวิถีซอย 2 ร้านอยู่ขวามือหัวมุมซอยแรก ตรงข้ามกับตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงศรี (ตู้เหลือง)) เชียงใหม่ , เมืองเชียงใหม่ , เชียงใหม่ 50000
เบอร์ติดต่อ 081-751-2365
เวลาเปิดร้าน ทุกวัน : 09:00 - 18:00


ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆอยู่ในหลืบมากกกกกกกกก ถ้าใครขับรถมามาเราแนะนำว่าหาที่จอดรถแถวรอบนอกดีกว่าแล้วเดินเข้ามาในซอย เพราะซอยเล็กมาก แต่ขับจักรยานเข้ามาได้นะ ในร้านมีโต๊ะอยู่3-4โต๊ะ เวลาสั่งอาหารก็ดูเมนูละสั่งได้เลย ร้านเล็กมากแบบเดินละชนกันอ่ะ ใครไปกัน 5คนขึ้นไปไม่แนะนำ อึดอัดนะแก



  ตอนเราไปเบเกิลหมด เลยสั่งคุ๊กกี้กับโซดามากิน ซึ่งร้านนี้เน้นขายกาแฟนะ เราไม่รู้ว่ารถชาติเป็นไงเพราะไม่ได้สั่ง แต่เห็นเค้าบอกว่าอร่อย อ่ะใครไปก็ลองสั่งกาแฟดูนะ


       พอออกจากร้านเราก็กะไป Khagee ต่อ คิดว่าหลายๆคนคงรู้จัก อยู่แถวสะพานนวรัฐ เราก็เดินจากร้านกราฟไปทางประตูท่าแพไปเรื่อยๆ เฮ้ยจะ5โมงแล้วเดี๋ยวร้านปิด คือเราก็รีบเดินๆๆๆๆ แต่คิดว่าไม่ทันแน่ๆ พอไปถึง...ร้านปิดแล้ว สรุปอด เซ็งมาก เลยไปเดินเล่นแถวสะพานขัวเหล็กแทน ใครจะมาแนะนำว่าให้หาเช่าจักรยานมาเป็นพร็อบนะ ชิคมาก 



 นี่ก็เป็นแพลนของวันนี้ ที่เราวาดไว้ก่อนมา ไม่ตรงตามแพลนเลยจ้าาาา เศร้าแป๊ป ไม่เป็นไรพรุ่งนี้จะรีบมาขจีแต่เช้า เจอกัน!!! พอเราถ่ายรูปเล่นจน6โมงก็เริ่มหิว พอหิวก็เริ่มหา พอหาก็เริ่ม เย้ย ไม่ใช่ เออสรุปคือหิว ก็นั่งรถแดง (ทริปนี้เป็นมิตรกับรถแดงนะรู้ยัง) ไปนิมมาน เดินตั้งแต่ Think park ยันท้ายถนนอ่ะคิดดูนะ 2รอบ เดินไปเดินมาไม่รู้จะกินไรดี มีแต่ร้านขนม นิมมานนี่มีแต่ร้านขนมจริงๆเว้ย แต่นี่จะกินข้าวไง ไอร้านดังๆไม่ต้องพูดถึง ทริปนี้ตั้งใจเซฟเงินไว้กินขนมอย่างเดียว หาร้านตามสั่ง รุปเจอร้านนึงอยู่ในหลืบ (อีกละ) ตามสั่งธรรมดาๆนี่แหล่ะ พอกินเสร็จก็เรียกรถกลับที่พัก 

        แต่แกกกกกกกก ที่มาของทริปที่มีแต่ร้านคาเฟ่มันอยู่ตรงนี้แหล่ะ ที่พักแรกเราอยู่แถวๆตลาดประตูเมืองเชียงใหม่ใช่ป๊ะ ละคือตอนกลางคืนตรงนั้นมันเป็นแหล่งของกินมาก เยาวราช2อ่ะประมาณนั้น มีของกินสองฝั่งยาวไปทังแถบ น้ำเต้าหู้เอย ขนมปังเอย ลูกชิ้นปิ้งเอย ขนมจีนเอย บะหมี่เอย มีไรอีก โอ๊ยเยอะมาก เราก็สายกินอยู่ละแงะ แต่เรื่องของเรื่องคือพรุ่งนี้เช้ากะจะไปดอยอินท์ซึ่งต้องเหมารถและใช้เงินเยอะมาก เอาไงดีว้าาา ติ๊กต่อกติ๊กต่อก แฟนเราก็เสนอขึ้นมาเลยจ้าาา "เรากินคืนนี้กันให้หนำเลยดีป๊ะ ละพรุ่งนี้ก็ตื่นสายๆไม่ต้องไปดอยหรอก เดี๋ยวเมาแบบวันนี้ ไม่สนุกเลย" ตอนแรกเราก็ลังเล เฮ้ยนี่เตรียมชุดมาแล้วนะ กะไปทำตัวชิคๆฮิปๆบนกิ่วแม่ปาน ไหงจะไม่ไปดื้อๆงี้อ่ะ แพลนมาแล้วนะ...ขวับ หันไปเจอร้านขนมจีนเท่านั้นแหล่ะ ก็เยสโนโอเคไปแบบไม่คิดเลยจ่ะ (ทำไมง่าย) นี่ชอบกินขนมจีนน้ำยามาก ละนี่สายแหล่ก มากกกกกก สรุปเอาตังไปซื้อของกินไว้กินในห้องพักเพียบ ไม่ไปละดอยเดย


…เดอะเบสแพลนมันก็อีสโนแพลนป๊ะวะ.....


      วันที่8 เอ้กอี้เอ้กเอ้ก วันนี้ตื่นสายสมใจแต่ไม่ให้เกิน10โมงเพราะอยากกินข้าวเช้าและรีบไปขจีต่อ เราก็ลงมาหาข้าวกิน ตั้งใจจะไปกินไข่กระทะเลิศรส แต่เดชะบุญขนุนหล่นใส่ ร้านปิดค่าเจ้าเศร้าไปอีก กินข้าวแกงร้านตรงข้ามก็ด๊ะขี้เกียจหา เอ๊ากินเสร็จก็นั่งรถไปสะพานนวรัฐ เอ๋…มาช่วงเช้าร้านยังปิด ไม่นะแกกกก ทริปนี้นี่ตั้งใจมาร้านนี้เลยนะ ใช้แฟนเดินไปถามร้านข้างๆเลยค่ะ มีไว้ใช้ให้เป็นประโยชน์ ได้ความว่า "ร้านปิดมาพักนึงแล้ว ไม่รู้เลยเค้าจะกลับมาเปิดอีกรึเปล่า" (ตอนนี้ร้านเปิดยังใครรู้ตอบที) สรุป บ้งค่ะ อดค่ะ เราไม่ยอมแพ้ มีแผนสำรองดูไว้ก่อนมา นี่เลย แท๊แด๊นนนน~



Johoney homemade ice cream

ที่อยู่ เชียงใหม่-ลำพูน (หัวมุมสันป่าข่อย ซอย 1) วัดเกต , เมืองเชียงใหม่ , เชียงใหม่ 50000
เบอร์ติดต่อ 053-247-229, 084-169-2031
เวลาเปิดร้าน ทุกวัน : 10:00 - 18:00





เราออกมาจากร้านแล้วกลับที่พักไปเก็บของเพื่อไปที่พักอีกที่หนึ่ง ซึ่งเราบอกไว้แต่แรกว่าเด็ดมาก เด็ดในที่นี้คือเป็นสไตล์ที่ชอบมาก และคนทั่วไปยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ ที่นี่เลยย


รื่นอารมย์ - Ruen A Rom I Home & Coffee

ที่อยู่ 146 หมู่10 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (ร้านอยู่หอบ้านกุหลาบซอยวัดอุโมงค์) สุเทพ , เมืองเชียงใหม่ , เชียงใหม่ 50200
เบอร์ติดต่อ 081-633-8300
เวลาเปิดร้าน ทุกวัน : 09:30 - 18:00 (ถ้าสำหรับคนที่พักลงมาทานอาหารได้ตอน 8โมงนะคะ)
ที่พักต่อคืน : ช่วงเทศกาล 600 บาท พร้อมอาหารเช้าเป็นกาแฟอุ่นๆและโทสต์หอมๆ

    ก่อนมาเชียงใหม่ตอนเราหาข้อมูลที่พักเราไปเจอที่นี่ในอินสตาแกรมพอดี เราเลยลองส่งข้อความเฟสไปถาม ได้ความว่าวันที่เราแพลนไว้ตอนแรกเต็มเราเลยยอมเลื่อนวันเพื่อนที่จะมาพักที่นี่ ด้วยความที่เป็นร้านกาแฟข้างล่างนี่แหล่ะที่ทำให้เราชอบที่นี่มาก ด้านบนถูกแบ่งโซนเป็นห้องพัก3ห้อง และด้านล่างเป็นร้านกาแฟ ส่วนพื้นที่ส่วนหนึ่งของด้านล่างเป็นสตูดิโองานศิลป์ที่สะบัดบ๊อบสตูดิโอมาจับจองไว้ โอ๊ย ฟังแค่นี้ก็ชิคละป๊ะ เราก็ไม่ลังเลเลยจ้าที่จะโอนเงินเต็มจำนวนจองไว้เรียบร้อย 
    ที่นี่อยู่แถววัดอุโมงค์ ซึ่งเข้าทางถนนสุเทพหลังมช นั่นแหล่ะ ตรงเข้ามาเรื่อยๆเลี้ยวเข้าซอยบ้านกุหลาบ (มีป้ายอยู่) ก็จะเจอกับบ้านหลังหนึ่งสีโทนขาวเขียวอุ่นๆ  ส่วนห้องที่เราพักก็เรียบๆแต่งด้วยโทนขาว เหลือง น่ารักดี ป่ะไปดูห้องพักกัน









      พอเราเก็บของเสร็จเราก็กะไปโครงการบ้านข้างวัดต่อ ก็เชื่อว่าคงเคยได้ยินและเคยเห็นหรืออาจจะเคยไปกันมาบ้าง เราเดินจากที่พักวัดอุโมงค์นี่ล่ะไปโครงการบ้านข้างวัด ตอนหาข้อมูลอ่ะเราก็รู้ว่าอยู่ตรงไหนนะ แต่เข้าใจมาตลอดว่าข้างวัดเนี่ยมันข้างวัดอุโมงค์ เออก็คงไม่ไกลเท่าไหร่ สรุป เป็นกิโลจ้าาา ข้างวัดคือข้างวัดร่ำเปิงเฟ้ย โถ่ววววววว T^T ตอนเดินๆอยู่มีผชวัยรุ่นแต่งตัวดีเหมือนมาเที่ยวขับมอไซค์มาถามเราว่าโครงการบ้านข้างวัดไปทางไหน เราก็บอกอ๋อตรงไปนั้นล่ะ จะอยู่ทางขวามือ (ตอบเหมือนเป็นชาวบ้านแถวนั้นเลยจ่ะ - - ) เค้าก็โอเคขอบคุณละฟิ้วววว บรึ้นๆไป อ้าว…ไม่รับตูไปด้วยอ่ะ T^T นี่ก็เดินต๊อกต๋อยไปต่อ พอไปถึงก็เจอพี่แกยืนถ่ายรูปอยู่เหมือนกัน เอออออ นี่เดินมาไกลมากนะรู้ยัง TT



โครงการบ้านข้างวัด
เวลาเปิดปิด : 10.00-17.00 น. หยุดทุกวันจันทร์








    ที่นี่มีบ้านหลายหลังเปิดขายของแฮนด์เมดไม่ว่าจะเป็น เซรามิก ของตกแต่งบ้านน่ารักๆ ร้านกาแฟ ห้องสมุด ฯลฯ มีร้าน  Orn The Roses/ Tiny Space/  ได้ สตูดิโอ/ ภาชานะ/ มาหาสมุด/ Bookoo Studio/ Jibberish/  The Old Coffee 
(ข้อมูลจาก http://www.reviewchiangmai.com/2512)
    เราเดินถ่ายรูปซักพักฝนตกจ้าาาาาาา นั่นไง ที่แม่บอกว่าพายุฝนจะเข้าเชียงใหม่นี่มันเริ่มแล้ว ตอนแรกเรากะจะไปแถววัดสวนดอกต่อไม่ได้แวะนั่งร้านในโครงการบ้านข้างวัด แต่พอฝนตกเราเลยต้องแวะ ซึ่งที่ๆเลือกนั่งรอก็นี่เลย มหาสมุดใจใหญ่ คาเฟ่ห้องสมุดสุดแนววววว







     ฝนเริ่มซาเราก็ออกมาจากโครงการบ้านข้างวัด กะเดินไปถนนใหญ่เรียกรถไปหลังวัดสวนดอกต่อ เราก็เดินจ้าาาา เดินอีกละ จำได้ว่าตอนมาถึงที่นี่คือเชียงใหม่เนี่ยโคตรตัวเมือง โคตรเจริญรถลาเต็มไปหมด แต่ตอนนี้ ณ วัดร่ำเปิง ห่างจากตัวเมืองไม่เท่าไหร่ โหยยยย ยังกะคนละที่ อะไรจะกันดารขนาดนี้ พื้นนี่ดินลูกรังมาก ยิ่งหลังฝนตกพื้นเปียกๆโอ๊ยคิดว่ามาเดินทางไกลค่ายลูกเสือ รองเท้าผ้าใบสีขาวนี่ยังขาวอยู่หรือไม่ ตอบเลยว่าไม่ เดินมาไกลมากก็ยังหาถนนไม่เจอ เหมือนจะหลงด้วย ถามชาวบ้านแถวนั้นเค้าก็ตอบให้เรางงๆ สรุปต้องเดินทางไหนหว่า ยิ่งเดินเหมือนยิ่งออกทะเล โชคดี (อีกแล้ว) รถแดงผ่านมา ดีใจมากกกกก รีบโดดขึ้นรถราคาไม่เกี่ยงพาออกไปจากตรงนี้ก่อนเป็นพอ

     เราจะไปร้าน สีนวลในสวยหลังบ้าน หลังวัดสวนดอก แล้วทีนี้เราก็อธิบายไม่ถูกว่าอยู่ตรงไหน เลยบอกพี่คนขับตัวอ้วนกลมว่าจะไปหลังวัดสวนดอก จ้าาาา พี่แกมาส่งหลังวัดจริงๆ หลังแบบหลังเลยอ่ะ เดิน2ก้าวคือเข้าวัดเรียบร้อย - - แกๆ ส่งตรงระแวกบ้านแถวนั้นก็พอป๊ะ นี่ไม่พาเข้าวัดไปด้วยเลยล่ะ เราก็เลยต้องลงมาถามทางชาวบ้าน ว่าจะไปร้านขนม ซอยนี้ๆๆๆ ชาวบ้านก็บอกว่าโอ๊ยซอยนั้นไม่มีหรอกมีแต่บ้าน เราก็เอ๊า ก็มันเป็นบ้าน ชาวบ้านก็ตอบแต่ว่าไม่มีๆ ไม่มีร้านอาหาร (ชาวบ้านเข้าใจว่าร้านอาหารเนี่ยจำเป็นต้องเป็นร้านใหญ่ๆนะครัช) เราก็เคๆเดินหาเองก็ได้ ก็เปิด googlemap หาเอาเอง เดินมาถูกทางละจ้า Finally!




ร้านสีนวลในสวนหลังบ้าน

ที่อยู่ ถนน สวนดอก (ถนนสวนดอก ซ.6) สุเทพ , เมืองเชียงใหม่ , เชียงใหม่
เบอร์ติดต่อ 087-304-0478
เวลาเปิดร้าน จ. : 10:00 - 18:00 พ. - อา. : 10:00 - 18:00

    ร้านสีนวลในสวนหลังบ้านมีชื่อมาจากชื่อแมวนั่นแหล่ะ ละก็อยู่หลังบ้านจริงๆ ตอนเดินมาแถวนี้ก็เจอแต่บ้านแบบที่ชาวบ้านบอกอ่ะแหล่ะ ถ้าลำพังแค่คนเดินผ่านคงไม่รู้ ขนาดเรารู้ยังเดินเลยไปสามก้าว เอะใจถอยกลับมาทัน มีป้ายเล็กๆอยู่ป้ายเดียวที่บ่งบอกว่านี่มีขนมนะแจ๊ะ ร้านนี้มีจุดเด่นคือ ขนมโฮมเมดที่ถูกมากกกกก ราคา40-60 เท่านั้น! ละขนมที่นี่หน้าตาสวยงามไม่พอ แต่ยังรสชาติดีมากๆอีกด้วย อร่อยมากเลยแหล่ะ ตอนที่เราไปมันตอนเย็นแล้วเลยยุงกัดขานิดหน่อย อาหารก็หมดแล้วเลยได้แต่กินขนม เสียดายมากๆ









พอเราออกมาจากร้านสีนวลฝนก็ตก (อีกแล้วไง) เราก็เดินตากฝนมาเรื่อยๆถึงสวนดอกปาร์ค มานั่งหลบฝนอยู่พักหนึ่ง ก็แบบรอไม่ไหวละ เดินเข้ามินิมาร์ทไปหยิบโปรชัวมาคลุมหัวเดินไปเรื่อยๆๆถึงซอยจัมปี ไปนินมาน ตอนนี้เริ่มมืดแล้วง่ะ แต่ฝนยังตกไม่หยุดเลย กระดาษที่คลุมหัวอยู่นี่ไม่ช่วยอะไรละแกกก เปียกยุ่ยหมดละ เราสู้จ้างานนี้ หิวข้าวแล้ว (ได้ข่าวว่าพึ่งกินขนมมา) เดินฝ่าฝนไปเลยจ้าาาา ไปหยุดที่ร้านอาหารเหนือร้านอะไรจำชื่อไม่ได้ แต่ร้านใหญ่อยู่ อ่ะให้รางวัลตัวเองกันนิดนึงงง ร้านนี้มีทั้งด้านนอกและด้านใน ถ้านั่งด้านในห้องแอร์คิดเพิ่มคนละ5บาท (น่ารักมาก ที่กรุงเทพคือภาษีและชาร์จเยอะกว่านี้ ที่นี่ไม่มีบวกอะไรเพิ่มทั้งนั้น ดี๊ดี) เราก็สั่งอาหารไปหลายอย่าง มีชุดอาหารเหนือเป็นเซต มีแกงฮังเล แคปหมู ข้าวเหนียว2 น้ำพริกหนุ่ม ละก็อาหารอื่นแยกเป็นจานมี ลาบหมูเมือง(คล้ายๆลาบหมูใส่น้ำตก) กับ หมูสะเต๊ะ (หมูชิ้นใหญ่มาก) กินสองคน เต็มโต๊ะเหมือนเดิม อิ่มมากกก กินกันไม่หมด ทั้งหมดนี่200เกือบๆ300 เองอ่ะ ถูกมากกกกกกกกกกกก อาหารอร่อยมาก (ไม่มีรูปนะกล้องแบตหมด แง้)


อันนี้เรานั่งวาดแพลนของวันนี้ที่ผ่านมา ระหว่างติดฝน

     วันที่9 วันสุดท้ายของทริปนี้ล้าวววววว วันนี้ตื่นมาฝนที่ตกตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่หยุดตกเลย ลงมากินอาหารเช้าข้างล่าง อ่ะอวดรูปของกินหน่อย ที่รื่นอารมณ์ ที่พักเนี่ยแหล่ะ 





 ปกติอาหารเช้าฟรีจะเป็นโทสต์กรอบๆกับกาแฟ/โกโก้ นะ แต่เราสั่งเป็นแซนวิสคาโบนาร่า เค้าบวกเพิ่มประมาณ40บาทเองมั้ง



      พอกินเสร็จก็ขึ้นห้องไปเก็บของลงมาเช็คเอาท์ ที่นี่ดีอย่างพอเราเช็คเอาท์ก็ยังนั่งเล่นที่ร้านได้ อ้าวแน่สิเค้าเป็นร้านกาแฟ แต่ที่มันดีเพราะฝนมันตกไง เราติดฝน เก็ทเปล่า นั่งกันนานมากหลายชั่วโมง แต่ชั่วโมงแรกผ่านไปก็เริ่มหิว (อีกละ) เลยสั่งชามาเล่นๆ
      เราเดินไปที่เคาท์เตอร์เลือกรสชา แต่พี่เม เจ้าของร้าน ก็รีบหยิบกระป๋องอะไรซักอย่างออกมาแล้วนำเสนอ "ชาลิมิเต็ด" ของพี่แก คือชาที่พี่เค้าได้มาจากตอนไปเที่ยวดอย เราก็จัดเลยจ้าาา ไม่ต้องไปถึงดอยก็ได้กิน 




     เรานั่งอยู่ที่นี่ยันบ่ายๆ บ่าย2-3มั้งไม่แน่ใจ นั่งเล่นไอจีไปเรื่อยๆไม่มีอะไรทำ ฝนก็ยังไม่หยุดตก พี่เมเลยเดินมาถามว่าเราจะไปไหนกันต่อ เดี๋ยวแฟนพี่ขับรถไปส่ง โอ๊ยยยยย โชคดีอีกแล้ว เจ้าของที่นี่ใจดีม้ากมาก เราประทับใจมากอ่ะ เราเลยบอกว่าจะไป The Barn พี่เค้าก็โอเคขับรถมาส่งเราที่ The Barn เราก็ล่ำลาพร้อมบอกว่าถ้ามาเชียงใหม่จะกลับมาพักที่นี่อีกแน่นอน ประทับใจขนาดนี้ไม่มาได้ไง


The Barn : Eatery Design (เดอะบาร์น เอ็นทารี่ ดีไซน์)
ที่อยู่ ถนนศรีวิชัย ซอย 5 (ในซอยไก่ทอด cmu) สุเทพ , เมืองเชียงใหม่ , เชียงใหม่ 50000
เบอร์ติดต่อ 094-049-0294 เวลาเปิดร้าน ทุกวัน : 10:00 - 01:00

     ร้านนี้เราว่าคนรู้จักเยอะมากแน่ๆ แน่นอนถ้ามาเชียงใหม่ก็ต้องไม่พลาดอ่ะ ตอนเรามาถึงคนแน่นเต็มร้านยันข้างนอก แทบไม่มีที่นั่ง ดีที่เรามากันแค่สองคน ยังมีที่นั่งเล็กๆข้างหน้าต่างอยู่ ตอนที่ไปถึง...เอ๊ะ ทำไมบาริสต้าหล่อจังอ่ะ คือไรมีเพื่อนฝูงเยอะแยะเยย หูยยย ไม่กล้าสบตา อ่ะข้ามๆ สั่งอาหารดีกว่า U____U






 เราสั่งกาแฟกับสปาเกตตี้มา2อย่าง นั่งกินเพลินๆจนหมดก็ นั่งเขียนไดอารี่วาดรูปกันไป รสชาติกาแฟเราสั่ง The Barn มาเราว่ายังเฉยๆ แต่สปาเกตตี้อร่อยดี หรือเพราะหิวไม่แน่ใจ แต่ราคาไม่แพงอีกอ่ะ มาที่นี่มีตังไม่ต้องเยอะก็กินได้หลากหลายแล้วจริงๆ




 นั่งไปนั่งมารอฝนหยุดตก ฝนก็ไม่ยอมหยุด นี่ก็5โมงแล้วมั้ง เราเลยสั่งขนมมากินเล่นกันอีก เอ๊าวันสุดท้ายเอาซะหน่อย ไหนๆก็ไปไหนไม่ได้แล้วอ่ะ เราก็สั่งขนมมา1อย่าง โกโก้ร้อนมา1แก้ว อันนี้อร่อยนะ ถ้าไปแนะนำเลย



  ตอนนี้เกือบ6โมงแล้วฝนก็ยังไม่หยุดตก อ๋อพายุฝนเป็นอย่างนี้นี่เองแก มันจะไม่ได้มาแบบโหยพายุเฮอริเคนตกหนักหลังคาบ้านแตกอะไรขนาดนั้นแต่มันจะตกเบาๆแต่ตกทั้งวันไม่มีหยุด ทำเอาลำบากอยู่เหมือนกันสำหรับคนที่แบ็คแพคแบบนี้ เราตัดสินใจหยิบนิตยสารแจกฟรี (ควรจะซื้อร่มตั้งแต่เมื่อวานป๊ะ) คลุมหัวเดินออกมาเรียกรถอีกละจ้าาาาาา ชีวิตนี้ขึ้นอยู่กับกระดาษ แต่รอบนี้หยิบมา2ฉบับ แถมกระดาษยังแข็งดี โอ๊ยขอบคุณค่ะ ก็ยืนโบกรถไปดิ4คันละไม่มีใครรับเลย ฝนก็เริ่มตกแรงขึ้นกว่าเดิม เราก็แบบโอ๊ยข้ามไปเรียกอีกฝั่งดีป๊ะ พอเดินข้ามไปก็เป็นหน้าร้านขายยาเภสัช มช. เราเลยไปขอยืมร่มเค้ามาโบกรถ พอมายืนฝั่งนี้ไม่นานก็มีรถผ่านมาแถมรับเราไปส่งสนามบินด้วยราคาน่าคบ เฮ้อหมดไปอีกวันอ่ะ


  อันนี้แพลนของวันนี้ที่วาดตอนอยู่ใน The Barn อ้อ ขากลับเรากลับรอบ 21.55-23.00 แต่เครื่องดีเลย์เราเลยถึงดอนเมืองเที่ยงคืน อ้อเครื่องดีเลย์ไม่พอ ตอนฝ่าพายุฝนนี่เครื่องบินตกหลุมอากาศด้วยจ้า เครื่องบินลำเล็กนี่โดนพายุฝนทีแทบปลิว เศร้า TT



สุดท้ายนี้...




       เรื่องราวเที่ยวเชียงใหม่ของเราก็มีเท่านี้แหล่ะ จริงๆมีอีกหลายเหตุการณ์ตลกๆ แปลกๆเกิดขึ้นแต่เราขอข้ามดีกว่าเพราะตัวหนังสือคงเยอะเกินไป สิ่งที่ได้จากการมาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งนี้คือเราได้ความคิดดีๆกลับไปหลายอย่าง แน่นอนมันไม่ได้ดูลำบากอะไรเลย และดูง่ายๆไม่เห็นมีอะไร แต่เราเป็นคนหนึ่งที่วันๆใช้ชีวิตอยู่แต่ในกรุงเทพ ถ้าไปต่างจังหวัดก็ไปกับพ่อแม่ นานๆทีจะมาเที่ยวกันเองแบบนี้ และครั้งนี้เราไปกันแค่2คนเมื่อมีปัญหาอะไรก็มีแค่เราสองคนที่ต้องช่วยกันแก้ไข และบางครั้งการมีกันแค่สองคนมันก็ไม่ได้ง่ายในหลายๆอย่าง เมื่อมีสองคนความสามารถในด้านต่างๆก็ยิ่งจำกัด ทั้งเราและแฟนต่างคนต่างก็ขับรถไม่เป็น และเงินที่เอามาก็จำกัด จึงต้องจัดสรรแบ่งงบไว้ใช้ในแต่ละวันว่าจะทำอะไรบ้าง เพื่อไม่ให้เกินงบจนไม่มีเงินกลับบ้าน ที่สำคัญเราต้องโดยสารรถสาธารณะทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งกลางวันคงไม่เท่าไหร่ แต่กลางคืนใครจะไปรู้ ถ้าไปเจอคนไม่ดีจะเกิดอะไรขึ้นกับรถที่มีแค่เราสองคนเอง เราเป็นผู้หญิง เราก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา แต่เราเชื่อว่าถ้าเราไม่หัดเรียนรู้อะไรเลย เราก็จะทำอะไรไม่เป็นเลย เราเป็นคนที่ขี้กลัวคนหนึ่ง และค่อนข้างจะถูกเลี้ยงมาแบบพ่อแม่หวง เพราะเป็นลูกคนเดียว เราบอกตรงๆเลยนะว่าตลอดสามวันที่อยู่ที่เชียงใหม่เรากังวลในหลายๆอย่างมาก ทั้งรถตกเขา ตกเครื่องบิน โดนจี้ปล้น เจอคนไม่ดี บลาๆๆ แต่เราก็ต้องเข้มแข็งและดูแลตัวเองให้ได้ 

     สิ่งที่เราอยากจะบอกก็คือ ถ้าตอนนี้ใครที่คิดจะไปไหนจะทำอะไร เราอยากให้ออกมาทำเลย อย่าเอาแต่คิด ไม่ว่าสิ่งนั้นจะยากจะง่าย ก็ขอให้ทำเถอะ ทุกคนมีเวลาเท่ากัน อยู่ที่ใครจะแบ่งเวลาไปทำอะไร หรือเสียเวลาไปกับเรื่องอะไร
     ถ้าใครอยากไปเชียงใหม่และยังไม่พร้อมที่จะไปลำบากบนดอยเหมือนเรา ไปตามแพลนเราก็ได้นะคะ เส้นทางทุกเส้นทางมันมีเรื่องราวและน่าจดจำอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องลำบาก ก็หาประสบการณ์ได้ สู้ๆนะ


0 Comments:

Post a Comment